“ราชทัณฑ์” เผย “อานนท์” ลุ้นรอผลตรวจเชื้อโควิด – 19 ครั้งที่ 6
พร้อมแจงผลสอบข้อเท็จจริงผู้คุมเรือนจำชั่วคราวรังสิตใช้กำลังทำร้ายผู้ต้องขังใหม่ไม่เป็นความจริง เป็นกรณีผู้ต้องขังทำร้ายกัน พร้อมสั่งลงโทษผู้ต้องขังที่กระทำผิดแล้ว
วันศุกร์ที่ 17 กันยายน 2564 เวลา 11.00 นาฬิกา นายธวัชชัย ชัยวัฒน์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ และโฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่า กรมราชทัณฑ์ ขอรายงานสถานการณ์ และการควบคุมดูแลตัวผู้ต้องขัง ที่เป็นกลุ่มผู้ชุมนุมที่ออกมาเรียกร้องทางการเมือง เพื่อให้ประชาชนได้รับทราบและสร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง ดังนี้
กลุ่มผู้ชุมนุมทางการเมืองที่ติดเชื้อโควิด – 19 ที่ถูกส่งตัวเพื่อเข้ารับการรักษาที่ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ จำนวน 2 ราย คือ นายเวหา และนายอมร โดยในวันนี้แพทย์ประจำ ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ได้เข้าตรวจร่างกาย พบว่า ทั้งคู่ไม่มีไข้ ไม่ไอ ไม่มีน้ำมูก นอนหลับพักผ่อนได้ รับประทานอาหารได้ โดยทั้งสองคนมีสัญญาณชีพและค่าออกซิเจนในเลือดอยู่เกณฑ์ปกติ ในส่วนนายอมรฯ พยาบาลได้ให้คำแนะนำเกี่ยวกับโรคเบาหวานซึ่งเป็นโรคประจำตัวของผู้ป่วยและอาการของโรคโควิด – 19
นายธวัชชัยฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า ด้านนายพริษฐ์ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1มีคำสั่งให้ปล่อยตัวชั่วคราวแต่มีหนังสือยกเลิกการอายัดตัว และผู้ต้องหายังมีหมายขังระหว่างไต่สวนมูลฟ้องหรือพิจารณาของศาลอาญาอีก 1 คดี จึงยังไม่สามารถปล่อยตัวได้ ขณะนี้อยู่ระหว่างเรือนจำฯ ทำหนังสือขออนุญาตกรมราชทัณฑ์เพื่อย้ายไปคุมขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ในส่วนกลุ่มผู้ชุมนุมที่ถูกควบคุมอยู่ที่ทัณฑสถานบำบัดพิเศษกลาง จำนวน 2 คน คือ นายอานนท์ และนายจตุภัทร์ พบว่า นายอานนท์ฯ ไม่มีอาการเจ็บป่วย สุขภาพโดยรวมแข็งแรงดี ตรวจหาเชื้อโควิด – 19 ครั้งที่ 6 อยู่ระหว่างรอผลตรวจจากทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ และนายจตุภัทร์ฯ ที่อยู่ระหว่างการแยกกักตัวต่ออีก 14 วัน สุขภาพโดยรวมแข็งแรงดี
นายธวัชชัยฯ กล่าวปิดท้ายถึงกรณีที่นายภาณุพงศ์ หรือไมค์ ระยอง เปิดเผยถึงการใช้ความรุนแรงในเรือนจำมีเจ้าหน้าที่ผู้คุมรายหนึ่งใช้กำลังทำร้าย ทุบตี เตะ ต่อย และด่าทอผู้ต้องขังใหม่ โดยเหตุเกิดที่เรือนจำชั่วคราวรังสิต เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2564 ซึ่งกรณีดังกล่าว กรมราชทัณฑ์อยู่ระหว่างการตั้งคณะกรรมการสอบสวนเจ้าหน้าที่ และผู้ต้องขัง นั้น ขณะนี้เรือนชั่วคราวรังสิต สังกัดเรือนจำอำเภอธัญบุรี ได้ตั้งคณะกรรมการดังกล่าวแล้วพบว่า ผู้ต้องขังใหม่รายนี้มีอาการสับสนพูดคุยวกไปวนมาอ้างว่าตัวเองมีเวทมนต์คาถา ซักถามประวัติการดื่มสุราให้การว่าดื่มสุราวันละ 30 ซีซี สูบบุหรี่ 10 ม้วนต่อวัน ขณะซักถามประวัติไม่พบอาการก้าวร้าวเอะอะโวยวายแต่อย่างไร พัศดีเวรฯ จึงให้นำไปขังรวมกับผู้ต้องขังเข้าใหม่อีก 6 คน ต่อมาเวลาประมาณ 22.00 น. ผู้ต้องขังเข้าใหม่รายนี้ส่งเสียงดังเอะอะโวยวายทำลายแผ่นใสกั้นห้อง ก๊อกน้ำ เขย่าลูกกรงตาข่าย เพื่อที่จะกลับบ้าน เจ้าหน้าที่จึงได้นำตัวผู้ต้องขังเข้าใหม่ดังกล่าวไปคุมขังอีกห้องหนึ่ง แต่ในช่วงที่เข้าไปนำตัวออกจากห้องเดิม เกิดเหตุการทะเลาะวิวาทผู้ต้องขังทำร้ายร่างกายซึ่งกันละกันซึ่งเจ้าหน้าที่ได้สั่งห้ามปรามจนเรื่องสงบลง และไม่มีการทำร้ายร่างกายผู้ต้องขังตามที่เป็นข่าวแต่อย่างใด ซึ่งจากกรณีที่เกิดขึ้นในส่วนของผู้ต้องขังที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้ถือว่ามีเจตนาในการกระทำผิดกฎระเบียบและข้อบังคับของทางเรือนจำโดยชัดแจ้ง จึงสั่งลงโทษทางวินัยผู้ต้องขังที่กระทำผิด และในส่วนของเจ้าหน้าที่ผู้มีหน้าที่เกี่ยวข้องดังกล่าวได้ส่งสำนวนผลการสอบข้อเท็จจริงทั้งหมดให้กรมราชทัณฑ์พิจารณาต่อไป
แหล่งข่าวที่มา:กรมราชทัณฑ์
เรียบเรียง:ฝ่ายประชาสัมพันธ์

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่