เมื่อวันที่ 12 ก.ย.66 พ.ต.อ.ศตวรรษ บุญมี ผกก.1 บก.ทล. ,พ.ต.ท.ธัช โพธิ์สุวรรณ,พ.ต.ท.นาวิน คงสว่าง รอง.ผกก.1 บก.ทล.,พ.ต.ต.ปภินวิทย์ อุดมพร สว.ส.ทล.1 กก.1 บก.ทล. สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง ส.ทล.1 กก.1 บก.ทล.(อยุธยา) นำโดย ร.ต.อ.เอกชัย ขุมเพ็ชร,ร.ต.อ.เชาวลิต สีดำ รอง สว.ส.ทล.1 กก.1 บก.ทล.,ร.ต.ท.ประธาน จตุพันธ์,ร.ต.ท.ธีระยุทธ วันโสภา รอง สว.(ป) ส.ทล.1 กก.1บก.ทล. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงอยุธยา ได้ร่วมกันจับกุมนายเจ๋ง อายุ 25 ปี ชาวบ้าน หมู่ที่ 26 ต.โกสัมพี อ.โกสัมพีนคร จ.กำแพงเพชร ขับขี่รถยนต์กระบะ สีขาว ติดแผ่นป้ายทะเบียนหมายเลข(ป้ายแดง) ก-0243 ตาก พร้อมแรงงานต่างด้าวสัญชาติชาย-หญิง สัญชาติ เมียนม่า จำนวน 13 คน โดยจับกุมได้ที่ บริเวณ ถนนริมคลอง หมู่ที่ 7 ต.ศาลาแดง อ.เมืองอ่างทอง จ.อ่างทอง
ด้านพ.ต.ต.ปภินวิทย์ อุดมพร สว.ส.ทล.1 กก.1 บก.ทล. ได้ให้ข้อมูลว่าพฤติการณ์กล่าวคือ สืบเนื่องจาก กก.1 บก.ทล.ได้มีการกวดขันจับกุมแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายและผู้นำพาในเส้นทางพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยา อยู่บ่อยครั้ง พ.ต.อ.ศตวรรษ บุญมี ผกก.1 บก.ทล.จึงได้สั่งการให้มีการสืบสวนถึงเส้นทางที่มีการลักลอบขนคนต่างด้าวผิดกฎหมายเข้ามาในพื้นที่ชั้นใน โดยให้ ส.ทล.1 กก.1 บก.ทล.(อยุธยา) สืบสวนในพื้นที่รับผิดชอบ จนกระทั้งวันนี้( 12 กันยายน 2566 ) เวลาประมาณ 19.00 น. ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้สำรวจเส้นทางบริเวณ อ.บางปะหัน จ.พระนครศรีอยุธยา โดยพบรถยนต์กระบะ สีขาว ติดแผ่นป้ายทะเบียนหมายเลข(ป้ายแดง) หมวดจ.ตาก จอดอยู่ริมถนนมืดๆ ไม่มีการเปิดไฟหน้าแต่อย่างใด โดยมีน้ำหนักที่รถยนต์มากว่ารถยนต์ปกติ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ส่งสัญญาณไฟกระพริบสีแดงและใช้สัญญาณเสียงรวมถึงการพูดออกคำสั่งผ่านไมโครโฟนเรียกรถยนต์คันดังกล่าวให้หยุด แต่เมื่อรถคันดังกล่าวพบเห็นรถยนต์ตรวจการณ์ของเจ้าหน้าที่ตำรวจขับติดตามมาและได้เห็นสัญญาณไฟรวมถึงเสียงคำสั่งเจ้าหน้าที่สั่งให้หยุดรถจึงได้ขับหลบหนีด้วยการเพิ่มความเร็ว โดยขับหลบหนีไปตามถนนสายเอเซีย ในขณะที่มีรถยนต์ของประชาชนผู้สัญจรไป-มา รถยนต์คันดังกล่าวได้ขับขี่หลบหนีด้วยความเร็วแซงซ้ายแซงขวารถคันอื่นมีการเปลี่ยนช่องทางเดินรถกะทันหันเป็นการขับขี่รถโดยประมาทหรือน่าหวาดเสียวไม่คำนึงถึงความปลอดภัยหรือความเดือดร้อนของผู้อื่นเป็นการกระทำที่สร้างความวุ่นวายและตื่นตระหนกตกใจขึ้นในที่สาธารณะรวมถึงอาจทำให้สุจริตชนได้รับอันตรายจากการกระทำของตน และขับขี่เลี้ยวรถยนต์เข้าไปในบ้านของประชาชน เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เดินไปหาที่รถยนต์ดังกล่าวพร้อมแสดงตนว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยเรียกเคาะกระจกด้านขวาของผู้ขับขี่แต่ผู้ขับขี่นั้นไม่ยอมจอดและพยายามขับขี่หลบหนีต่อ รถยนต์คันดังกล่าวได้ขับขี่หันทิศทางรถยนต์มาทางเจ้าหน้าที่ตำรวจโดยไม่เกรงกลัวว่าจะก่อให้เกิดอันตรายทางกาย จนกระทั่งมาถึง บริเวณ ถนนริมคลอง หมู่ที่ 7 ต.ศาลาแดง อ.เมืองอ่างทอง จ.อ่างทอง ระยะทางหลบหนีเจ้าหน้าที่ตำรวจประมาณ 30 กิโลเมตร เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แสดงตนเพื่อขอตรวจสอบ และทราบชื่อนายเจ๋ง อายุ 25 ปี เป็นผู้ขับขี่รถยนต์กระบะดังกล่าว โดยมีแรงงานต่างด้าวนั่งมาในรถเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเชิญรถยนต์คันดังกล่าวมาตรวจสอบเอกสารอย่างละเอียดอีกครั้งที่ สถานีตำรวจภูธรเมืองอ่างทอง ภ.จว.อ่างทอง ร่วมกับ เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองอ่างทอง พบว่าคนต่างด้าวสัญชาติเมียนมาไม่มีหนังสือเดินทางหรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทางแต่อย่างใดแสดง จากนั้นได้สอบถามนายเจ๋ง อายุ 25 ปี คนขับขี่รถกระบะให้การยอมรับว่า วันที่12 กันยายน 2566เวลาประมาณ 13.00 น. ได้รับการประสานจากชายเมียนมา (ไม่ทราบชื่อ-นามสกุลจริง) ประสานงานให้ไปรับแรงานต่างด้าวที่บริเวณ ป่าข้างทาง ต.โกสัมพี อ.โกสัมพีนคร จ.กำแพงเพชร จำนวน 13 คน เพื่อไปส่งในพื้นที่ปลายทาง ในพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยา โดยได้รับค่าจ้าง 13,000 บาท/ครั้ง โดยระหว่างทางจะมีชายไทย 1 คน คือ นายโจ ขับขี่รถยนต์กระบะ สีดำ เป็นคนขับขี่นำเส้นทางเพื่อดูด่านตรวจหรือรถตำรวจระหว่างทางตั้งแต่จังหวัดกำแพงเพชร จนมาถึงที่เกิดเหตุ ซึ่งนายเจ๋ง รับว่าได้ขับขี่รถยนต์คันดังกล่าวบรรทุกแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองมาจริง และตนรู้ดีอยู่แล้วว่าแรงงานต่างด้าวทั้ง 13 คน ไม่มีหนังสือเดินทางหรือเอกสารแทนหนังสือเดินทางใดๆและยินยอมที่จะนำพามาส่งที่ปลายทาง จนกระทั่งมาถูกตำรวจทางหลวงเรียกตรวจสอบ โดยตนนั้นได้กระทำแบบนี้มาแล้ว 3 ครั้ง เงินค่าจ้างที่ได้มาจะนำไปเที่ยวและใช้จ่ายต่างๆ และ สอบถามแรงงานต่างด้าวผ่านล่ามบอกว่าได้ลักลอบเดินทางเข้ามาในประเทศไทยทางช่องทางธรรมชาติและเดินข้ามมา ในพื้นที่ อ.แม่สอด จ.ตาก และจะมีคนพาออกมาขึ้นรถที่นำพา เพื่อจะเข้ามาหางานทำในประเทศไทย โดยเสียค่าใช้จ่าย จำนวน 13,000-15,000 บาท จึงได้นำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวนสภ.เมืองอ่างทองเพื่อดำเนินคดีต่อไป