เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 28 พ.ค.68 พล.ต.ท.สุรพล เปรมบุตร ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.โชคชัย งามวงศ์ รองผบช.ภ.1. พล.ต.ต.ยุทธนา จอนขุน ผบก.จ.ปทุมธานี พ.ต.อ.วิษณุรักษ์ พรหมเมศร์ รองผบก.จ.ปทุมธานี พ.ต.อ.หฤษฏ์ คำจุมพล ผกก.กก.สส.ภ.จว.ปทุมธานี พ.ต.อ.พัฒนชัย ภมรพิบูลย์ ผกก.สภ.ปากคลองรังสิต พ.ต.ท สิรภพ บัวหลวง รอง ผกก.สส.สภ.ปากคลองรังสิต พ.ต.ต.อิทธิพล พุทธรักษา สว.สส.สภ.ปากคลองรังสิต พ.ต.อ.อธิเมศร์ ไชยศรัญวิชญ์ ผกก.สภ.คลองหลวง พ.ต.ท.ฉลาด หอมเงิน รอง ผกก.สส.สภ.คลองหลวง พ.ต.ท.วีระ สุขชนะ สว.สส.สภ.คลองหลวง พ.ต.ท.ธนุส วิสุทธาภรณ์ สว.สส.สภ.คลองหลวง พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวน ได้ร่วมกันจับกุม1.นายนราธรหรือหรั่ง อายุ 26 ปี 2.นายนิชาอายุ 18 ปี 3.นายปรินทรอายุ 26 ปี 4.นางสาวกัลยารัตน์ อายุ 26 ปี โดยจับกุมนายนราธร ได้ที่บ้านหมู่ 8 ตำบลลำลูกกา อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี ส่วนนายนิชากรณ์ นายปรินทร นางสาวกัลยารัตน์ จับกุมได้ที่หอพักบ้านแถว ถนนสรงประภา ซอยประชาอุทิศ5 แยก3-3 แขวง/เขตดอนเมือง กทม. นอกจากนี้ที่สภ.คลองหลวง เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้2คน 1. นายสัมพันธ์ อายุ 47 ปี อยู่ ม.9 ต.วังตะกู อ.บางมูลนาก จ.พิจิตร2. นายขุนทอง อายุ 40 ปี ซึ่งมีของกลางเป็นรถจักรยานยนต์ยี่ห้อต่างๆรวมกันแล้วประมาณ 40 คันและรถกระบะตู้ทึบ หมายเลขทะเบียน กรุงเทพมหานคร รถกระบะคอกหมายเลขทะเบียนกรุงเทพมหานคร
ด้านพล.ต.ท.สุรพล เปรมบุตร ผบช.ภ.1 กล่าวว่าวันนี้เป็นการแถลงข่าวกับจับกุมแก็งลักรถจักรยานยนต์รายใหญ่ในจังหวัดปทุมธานีซึ่งในเขตจังหวัดปทุมธานีเป็นแหล่งชุมชนและมหาวิทยาลัยซึ่งสถานที่จอดรถจักรยานยนต์ซึ่งคนร้ายก็ตระเวนดูว่าพื้นที่ไหนหรือที่จอดรถจักรยานยนต์ตรงไหนพอที่จะก่อเหตุลักรถ และรถจอดไม่ล๊อคคอ รถจอดทิ้งไว้นานๆ จากนั้นคนร้ายก็ได้มาโจรกรรมรถไปซึ่งในส่วนของสภ.ปากคลองรังสิตมีผู้เสียหายได้มาแจ้งความว่าถูกคนร้ายลักรถจักรยานยนต์ไป ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนก็ได้ติดตามกล้องวงปิดและสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้จำนวน4 คนซึ่งเมื่อขยายผลก็ทราบว่าคนร้ายแก็งนี้เมื่อลักรถจักรยานยนต์มาได้แล้วก็จะนำไปใส่รถกระบะตู้ทึบเพื่อที่จะส่งขายประเทศเพื่อนบ้านโดยมีนายนราธรหรือหรั่ง เป็นหัวหน้าแก็งและรับสารภาพว่าตั้งแต่เดือน ธ.ค.2567จนถึงปัจจุบัน รวมระยะเวลา 6 เดือน ได้รับซื้อรถจักรยานยนต์มากกว่า 135คัน เมื่อได้รถจักรยานยนต์มาแล้ว จะส่งให้เพื่อนใน FACEBOOK เพื่อทำการปลอมแปลงเอกสารของรถที่ถูกโจรกรรมมา โดยมีค่าดำเนินการ คัดสำเนารถ 300 บาทต่อคัน และสำเนาบัตรประชาชน 400 บาท เพื่อให้ตรงกับรถที่รับซื้อมา และจากการตรวจสอบยอดเงินหมุนเวียนบัญชีธนาคารของ นายหรั่ง (นามสมมติ) ตั้งแต่เริ่มมีการซื้อขายรถจักรยานยนต์ ที่ถูกโจรกรรมมา พบว่ามีเงินหมุนเวียนกว่า 11,227,970บาท จากการตรวจสอบ ตั้งแต่วันที่ 1พฤษภาคม 2568 – ปัจจุบัน นายหรั่ง (นามสมมติ) ขายรถ ที่ถูกโจรกรรม จำนวน 26 คัน โดยพบว่า เป็นรถที่แจ้งหายในพื้นที่ กรุงเทพฯและปริมณฑล 8โรงพัก ส่วนที่สภ.คลองหลวงนั้นทางผู้ต้องหาเมื่อลักรถจักรยานยนต์มาได้แล้วก็จะทำการปลอมแปลงเอกสารคู่มือรถจักรยานยนต์รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 1,000,000 บาท โดยเมื่อได้รถมาแล้ว จะส่งให้เครือข่ายใน FACEBOOK เพื่อทำการปลอมแปลงเอกสารของรถที่โจรกรรมมา โดยมีค่าดำเนินการ คัดสำเนารถ 300 บาท ต่อคัน และสำเนาบัตรประชาชน 400 บาท เพื่อให้ตรงกับรถที่โจรกรรมมา