กรมราชทัณฑ์ รายงาน สถานการณ์โควิด-19 ผู้ป่วยรักษาหายแล้วกว่า 89% พร้อมแจงยอดผู้ป่วยเรือนจำกลางอุดรธานี เป็นเพียงยอดสะสม พร้อมสิ้นสุดการระบาดภายใน 1 เดือน
วันเสาร์ที่ 25 กันยายน 2564 เวลา 12.00 นาฬิกา นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในเรือนจำและทัณฑสถาน (ข้อมูล ณ วันที่ 24 กันยายน 2564 เวลา 16.00 นาฬิกา) พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 92 ราย (พบในเรือนจำสีแดง 61 ราย และพบในห้องแยกกักโรคผู้ต้องขังรับใหม่ 31 ราย) รักษาหายเพิ่ม 397 ราย ไม่มีรายงานการเสียชีวิตในวันนี้ ทำให้มีผู้ติดเชื้อที่ยังอยู่ในการดูแลของกรมราชทัณฑ์ 5,716 ราย (กลุ่มสีเขียว 85.3% สีเหลือง 14.2% และสีแดง 0.5%) เป็นพื้นที่กรุงเทพมหานคร 324 ราย (รวมทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์) ปริมณฑล 72 ราย และต่างจังหวัด 5,320 ราย
นายอายุตม์ กล่าวว่า ในวันนี้ สถานะเรือนจำคงที่ ไม่มีเรือนจำระบาดใหม่ต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 กล่าวคือ มีเรือนจำสีแดง 24 แห่ง และเรือนจำสีขาว 118 แห่ง โดยมีผู้ติดเชื้อรักษาหายสะสม 60,823 ราย หรือ 89% ของผู้ติดเชื้อสะสม 68,345 ราย เสียชีวิตสะสม 146 ราย คิดเป็นอัตรา 0.2% ของผู้ติดเชื้อสะสม

<script async custom-element="amp-auto-ads"
        src="https://cdn.ampproject.org/v0/amp-auto-ads-0.1.js">
</script>

นายอายุตม์ กล่าวเพิ่มเติม จากกรณีที่มีสื่อมวลชนนำเสนอข่าวเรือนจำกลางอุดรธานีว่า มีผู้ติดเชื้อเกือบ 5,000 ราย นั้น ข้อเท็จจริงคือ เรือนจำกลางอุดรธานี ได้ประกาศเป็นเรือนจำแพร่ระบาด เมื่อวันที่ 28 สิงหาคมที่ผ่านมา ตามที่กรมราชทัณฑ์ได้รายงานข่าวและสถานการณ์ให้ทราบไปแล้ว ซึ่งที่ผ่านมาได้ประสานความร่วมมือกับโรงพยาบาลแม่ข่าย และสำนักงานสาธารณสุขในพื้นที่เข้าตรวจคัดกรองและควบคุมการระบาดอย่างเป็นระบบ โดยเรือนจำกลางอุดรธานี มีผู้ต้องขังในการควบคุมทั้งสิ้น 5,080 ราย ตรวจพบผู้ติดเชื้อสะสม 4,423 ราย ผู้ต้องขังทุกราย ได้รับการจ่ายยาฟ้าทะลายโจร หรือยาฟาวิพิราเวียร์ พร้อมด้วยการรักษาและยาอื่นๆ ตามลักษณะอาการ จนปัจจุบัน มีผู้ติดเชื้อได้รับการรักษาหายแล้ว 2,470 ราย (ไม่รวมผู้ที่ได้รับการปล่อยตัว) อยู่ระหว่างการรักษา 1,922 ราย ถือว่าสถานการณ์การระบาดอยู่ในการควบคุม และอยู่ในแผนการสิ้นสุดการระบาดของโรค หรือ EXIT แล้ว ซึ่งคาดว่าในระยะเวลาไม่เกิน 1 เดือนต่อจากนี้จะสามารถกลับมาปฏิบัติงานได้ตามปกติ
แหล่งข่าวที่มา:กรมราชทัณฑ์
:บุญส่ง วงค์แสง รายงาน

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่