วันที่ 15 มีนาคม 2565 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากนายภาคิน อายุ 51 ปี เจ้าของของร้านเขียงหมูชื่อดัง มีคนร้ายขโมยงัดตู้เครื่องซักผ้าแบบหยอดเหรียญ จนตู้เครื่องซักผ้าพังได้รับความเสียหายพร้อมกับได้เงินไปจำนวนหนึ่งวงจรปิดสามารถบันทึกภาพได้ขณะก่อเหตุ หจากนั้นได้เดินทางไปยังที่เกิดเหตุ ซึ่งเป็นตึกแถวอาคารพาณิชย์ ซ.รังสิต ปทุมธานี 29 ต.ประชาธปัตย์ อ.ธัญบุรี จ. ปทุมธานี พบนายภูมินทร์ อายุ 32ปี น้องชายเจ้าของร้านเขียงหมูได้ยืนรอและชี้จุดที่คนร้ายก่อเหตุงัดเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญที่ตั้งไว้ข้างตึก เพื่อให้ผู้พักอาศัยใกล้เคียงมาใช้บริการแบบหยอดเหรียญ จำนวน 3 เครื่อง พร้อมกับมอบกล้องวงจรปิดถึงพฤติกรรมของคนร้าย ให้ผู้สื่อข่าวดูได้อย่างชัดเจน ใช้รถจักรยานยนต์เป็นพาหนะ ยี่ห้อyamaha รุ่นscoopy ทะเบียน 140 กรุงเทพมหานคร ซึ่ง ขับรถ จยย. เข้ามาจอด 1 ใน 2 คนโจรแสบสวมเสื้อยืดคอกลมสีขาว แขนสั้น สวมแมสปิดบังใบหน้า สวมรองเท้าแตะ กางเกงขาสั้นพายกระเป๋าข้าง ผมประบ่า อายุประมาณ 30ปี ลงจากรถเดินตรงไปที่ตู้เครื่องซักผ้าใช้อุปกรณ์งัดที่หยอดเหรียญ แล้วเดินกลับมาอีกครั้งเพื่อเอาอุปกรณ์อะไรบางอย่างจากเพื่อนที่นั่งรถคร่อมรออยู่แล้วเดินกลับไปที่ตู้อีกครั้งจนสามารถงัดนำเหรียญได้ดั่งใจในขณะที่เพื่อนสตาร์ทรถรออยู่ อายุ ประมาณ 25-30ปี รูปร่างอ้วนผมรองทรง สวมแมสปิดบังใบหน้าสวมเสื้อยืดแขนยาว กางเกงขายาว รองเท้าผ้าใบโดยใช้เวลา 15 -20 นาที ขับรถจักรยานหลบหนีโดยไม่ทราบทิศทาง
นาย ภูมินทร์ ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า เหตุเกิดเมื่อช่วงเที่ยงคืนประมาณวันที่ 12 มีนาคมที่ผ่านมา คนขับรถของพี่สาว ซึ่งเป็นคนขับรถส่งของ ได้เดินสวนทางกับคนร้ายที่ขับรถจักรยานยนต์เข้ามาในซอยโดยบอกว่าคนที่ขับรถเข้ามาจอดนั้นไม่คุ้นหน้าเอาเสียเลย หลังจากที่คนขับรถของพี่สาวได้ไปส่งของเสร็จแล้วก็กลับมา ก็เดินเข้ามาดูที่ตู้เครื่องซักผ้า ปรากฏว่าตู้เครื่องซักผ้าแบบหยอดเหรียญนั้น ที่หยอดเหรียญพังเหมือนถูกงัดไป 1 เครื่อง ก็เลยโทรมา บอกตนเอง และได้เดินมาดูถึงรู้ว่ามีคนมางัดจริง จากนั้นก็ไปดูกล้องวงจรปิดที่บ้านเพื่อตรวจสอบ โจรที่จโมยนั้นใช้รถจักรยานยนต์เป็นพาหนะ มา 2 คนซ้อนกันมาตามที่กล้องวงจรปิดสามารถบันทึกภาพได้ ลักษณะรูปร่างคนหนึ่งอ้วนอีกคนหนึ่งผอม แต่ก็ใช้เวลานานพอสมควรเนื่องจากตัวเองล็อคกุญแจไว้ ซึ่งแต่ก่อนไม่มีเหล็กกั้น แต่หลังจากที่ถูกคนร้ายขโมยไปก็เลยมาซ่อมใช้เหล็กกั้นเชื่อมทั้ง 3 เครื่อง ทำแบบกรง อ้อมไว้ เพื่อให้เอายากมากขึ้น แต่ที่งัดเอาไปในครั้งนี้ก็ได้ไปประมาณ 200-300 บาท ถึงแม้ว่าเงินอาจจะไม่มาก แต่ก็อยากจะให้เจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามจับกุมคนร้ายทั้ง 2 รายนี้ให้ได้ไม่อยากจะไปให้ก่อเหตุซ้ำที่อื่นอีกแต่เราก็ต้องมาเสียเวลาซ่อม ของที่เสียหาย หลังจากที่เกิดเหตุ ก็ได้แจ้งพี่สาวของตนเองกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นส่วนการแจ้งความพี่สาวก็ได้มอบหมายให้แฟน ซึ่งเป็นสามี ไปแจ้งความที่สถานีตำรวจเพื่อให้ดำเนินคดีตามกฎหมาย จากวันนั้นถึงวันนี้คนร้ายก็ยังลอยนวลยังไม่มีท่าทีว่าจะจับคนร้ายได้ แต่ก็อยากจะฝากถึงผู้ที่มีเครื่องซักผ้าหรืออะไรก็แล้วแต่ที่ใช้แบบหยอดเหรียญก็ให้ระมัดระวังใช้ระบบการป้องกันให้แน่นหนามากขึ้นเพื่อความปลอดภัย

ติดตามอ่านข่าวทุกประเด็นตามช่องทางได้ที่

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่