เมื่อวันที่ 8 ก.พ.66 พ.ต.อ.ศตวรรษ บุญมี ผกก.1 บก.ทล. พ.ต.อ.วชิรา ยาวไทยสงค์ ผกก.2 บก.ทล.พ.ต.ท.ลัทธิศักดิ์ ภูถี่ถ้วน รอง ผกก.1บก.ทล.,พ.ต.ท.ธัช โพธิ์สุวรรณ รอง.ผกก.1 บก.ทล.,พ.ต.ท.ธนศักดิ์ ปราสาททอง สว.ส.ทล.1 กก.1 บก.ทล.,พ.ต.ท.อิทธิศักดิ์ ค้ำคูณ สว.ส.ทล.6 กก.2 บก.ทล.ร.ต.อ.วัชรพล วชิรกุลฑล รอง สว.ส.ทล.1 กก.1 บก.ทล., ร.ต.ท.ประธาน จตุพันธ์,ร.ต.ต.มนัส เนียมแย้ม รอง สว.(ป) ส.ทล.1 กก.1บก.ทล.,ด.ต.สมชาย แก้วนุช,ด.ต.วิชัย ตามสมัยด.ต.ยศภัทร อินต๊ะ ผบ.หมู่ ส.ทล.1 กก.1 บก.ทล. ได้ร่วมกันจับกุมนายมี อายุ 24 ปี พักอาศัยอยู่ หมู่ที่ 11 ต.เชียงทอง อ.วังเจ้า จ.ตาก พร้อมของกลาง 1.รถยนต์นั่งสามตอน สีดำติดแผ่นป้ายทะเบียนหมายเลขหมวดจังหวัดกรุงเทพมหานคร จำนวน 1 คัน 2.และแรงงานต่างด้าวสัญชาติเมียนมาชาย-หญิงจำนวน12คน โดยจับกุมได้ที่บริเวณกลางทุ่งนา หมู่ที่ 4 ต.สามชุก อ.สามชุก จ.สุพรรณบุรี

ด้านพ.ต.ท.ธนศักดิ์ ปราสาททอง สว.ส.ทล.1 กก.1 บก.ทล. กล่าวว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงได้มีการกวดขันจับกุมแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายและผู้นำพาในเส้นทางพื้นที่จ.พระนครศรีอยุธยา และ จ.สุพรรณบุรี จ.ปทุมธานี และกรุงเทพมหานคร อยู่บ่อยครั้ง พ.ต.อ.ศตวรรษ บุญมี ผกก.1 บก.ทล.,พ.ต.อ.วชิรา ยาวไทยสงค์ ผกก.2 จึงได้สั่งการให้มีการสืบสวนถึงเส้นทางที่มีการลักลอบขนคนต่างด้าวผิดกฎหมายเข้ามาในพื้นที่ชั้นใน โดยให้ ส.ทล.1 กก.1 บก.ทล.(อยุธยา),ส.ทล.6 กก.2(สุพรรณบุรี) ร่วมกันสืบสวนและประสานบูรณาการกำลังร่วมกับหน่วยงานข้างเคียง เจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรสามชุก ในพื้นที่รับผิดชอบ จนกระทั้งวันนี้(7 กุมภาพันธ์ 2566) เวลาประมาณ 17.30 น.ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้สำรวจเส้นทาง บริเวณ ทล.340 อ.สามชุก จ.สุพรรณบุรี โดยพบรถยนต์ต้องสงสัยรถยนต์นั่งสามตอน สีดำ ติดแผ่นป้ายทะเบียนหมวดจังหวัด กรุงเทพมหานคร ขับขี่ผ่านมามีน้ำหนักที่รถยนต์มากว่ารถยนต์ปกติ และเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ทำการตรวจสอบกับระบบข้อมูลทะเบียนรถยนต์และทะเบียนรถขนส่ง (ฐานข้อมูลกรมการขนส่งทางบก) ของระบบCrimes สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พบว่ารถยนต์ดังกล่าว(ไม่พบข้อมูลทะเบียน) จึงเรียกรถยนต์คันดังกล่าวให้หยุด แต่รถยนต์คันดังกล่าวไม่ยอมหยุดจอดและพยายามขับขี่หลบหนีไปในเขตชุมชนและหมู่บ้านโดยเกือบเฉี่ยวชนชาวบ้านที่สัญจรไปมา ระยะทางไกลกว่า 20 กิโลเมตร เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงจึงได้ขับติดตาม จาก สี่แยกไฟแดงสามชุก มาถึง บริเวณหมู่ที่ 2 ต.นางบวช อ.เดิมบางนางบวช จ.สุพรรณบุรีโดยเจ้าหน้าที่ได้ส่งสัญญาณไฟกระพริบสีแดงและเรียกรถยนต์คันดังกล่าวให้หยุด เบื้องต้นพบชายใส่เสื้อสีเขียวกางเกงสีเขียว วิ่งหนีเจ้าหน้าที่ตำรวจลงจากรถยนต์นั่งสามตอน หมวดจังหวัด กรุงเทพมหานคร ไปไกลกว่า 1 กิโลเมตร เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แสดงตนเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจขอทำการตรวจสอบพบนายมี อายุ 24 ปี ชาวบ้านหมู่ที่ 11 ต.เชียงทอง อ.วังเจ้า จ.ตาก (เป็นผู้ขับขี่) นายมี แจ้งกับเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงแจ้งว่าได้ขับขี่รถยนต์คันดังกล่าวนำพาแรงงานต่างด้าวมาประมาณ 12 คน โดยตอนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงไล่ตามพร้อมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรสามชุก ได้จอดให้แรงงานต่างด้าว จำนวน 12 คน ลงกลางทุ่งนาแห่งหนึ่งในบริเวณ ต.สามชุก อ.สามชุก จ.สุพรรณบุรี จากนั้นได้นำตัวนายมี(คนขับรถกระบะ) ไปตรวจสอบบริเวณพื้นที่ดังกล่าว พบแรงงานต่างด้าวจำนวน 12 คน ที่ บริเวณ กลางทุ่งนา หมู่ที่ 4 ต.สามชุก อ.สามชุก จ.สุพรรณบุรีตรวจสอบที่ สภ.สามชุก ภ.จว.สุพรรณบุรี ปรากฏว่าแรงงานต่างด้างทั้ง12 คนไม่มีหนังสือเดินทางเข้าเมือง ตรวจสอบหมายเลขตัวรถจากนั้นนำเลขตัวรถดังกล่าวไปตรวจสอบกับฐานข้อมูลอีกครั้งฯ ปรากฏว่าเป็นรถยนต์คันทะเบียน จังหวัดระยอง โดยนายมี(คนขับรถกระบะ) ให้การว่า วันนี้ได้รับแรงงานต่างด้าว โดยจอดรถทิ้งไว้ในพื้นที่สวนลำไย อ.คลองลาน จ.กำแพงเพชร จะมีชาย(ไม่ทราบชื่อ-นามสกุล)ขับรถยนต์ของตนออกไปเพื่อไปบรรทุกแรงงานต่างด้าวจำนวน 12 คน มาให้และจะขับรถยนต์มาส่งที่ปลายทาง จ.สุพรรณบุรี โดยได้ค่าจ้าง 2,000 บาท/คน รวม 24,000 บาท และรับว่านำแผ่นป้ายทะเบียน หมวดจังหวัด กรุงเทพมหานคร จำนวน 2 แผ่นมาจากเต้นท์รถยนต์แห่งหนึ่งในพื้นที่ จ.ระยองและรับว่าได้ขับขี่รถยนต์ประหมาดหวาดเสียวและหลบหนีตำรวจขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเรียกตรวจสอบสอบถามแรงงานต่างด้าวทั้งหมด ผ่านล่ามแปลภาษาเมียนมา ให้การยอมรับว่า เมื่อประมาณต้นเดือนกุมภาพันธ์ ได้ลักลอบนั่งเรือข้ามมาฝั่งประเทศไทย และเดินทางเข้ามาในประเทศไทยทางช่องทางธรรมชาติและเดินข้ามมา ในพื้นที่ อ.แม่สอด จว.ตาก และได้อยู่ในพื้นที่ป่าและที่พักอยู่ในประเทศไทยก่อนที่จะออกมาขึ้นรถที่นำพา เพื่อจะเข้ามาหางานทำในประเทศไทยโดยต้องจ่ายค่านายหน้าเป็นเงินคนละประมาณ 20,000-25,000 บาท เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงแจ้งข้อกล่าวหานายมี แซ่จ๊ะ อายุ 24 ปี ฐาน “1.รู้ว่าคนต่างด้าวคนใดเข้ามาในราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืนกฎหมาย ให้เข้าพักอาศัย ซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใด ๆ เพื่อให้คนต่างด้าวนั้นพ้นจากการจับกุม,2.ขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยหรือความเดือดร้อนของผู้อื่น,3.ใช้เครื่องหมายที่นายทะเบียนออกให้สำหรับคนหนี่งกับรถอีกคันหนึ่ง ความผิดตามพ.ร.บ.รถยนต์ 2522 ม.67(2)และแรงงานต่างด้าวชาย-หญิงทั้งหมด 12คน ฐาน“เป็นคนต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต” จากนั้นได้ควบคุมตัวพร้อมของกลางมาทำบันทึกการจับที่ สถานีตำรวจภูธรสามชุก ภ.จว.สุพรรณบุรี และนำส่งพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรสามชุก ภ.จว.สุพรรณบุรีดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่