เมื่อวันที่ 14 มี.ค.66 พ.ต.อ.ศตวรรษ บุญมี ผกก.๑ บก.ทล. พ.ต.ท.ชนะ ขำทอง สว.ส.ทล.6 กก.1 บก.ทล.,พ.ต.ต.ปภินวิทย์ อุดมพร สว.ส.ทล.1 กก.1 บก.ทล.,พ.ต.ต.บรรพต แก้วตา สว.ตม.จว.อ่างทอง เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง ส.ทล.1 กก.1 บก.ทล.(อยุธยา) ร.ต.อ.เอกชัย ขุมเพ็ชร รอง สว.ส.ทล.1 กก.1 บก.ทล.ร.ต.ท.ประธาน จตุพันธ์ ได้ร่วมกันจับกุม1.นายอณุสร อายุ 25 ปี ชาวบ้านหมู่ที่ 6 ต.เชียงทอง อ.วังเจ้า จ.ตาก เป็นผู้ขับขี่ รถยนต์กระบะ ป้ายทะเบียนหมายเลข หมวดกรุงเทพมหานคร 2.นายมงคล อายุ 17 ปี ที่อยู่ หมู่ที่ 6 ต.เชียงทอง อ.วังเจ้า จ.ตาก เป็นผู้ขับขี่รถยนต์กระบะ สีเทา ป้ายทะเบียนหมวด พิษณุโลก พร้อมด้วยแรงงานต่างด้าวสัญชาติเมียนมาหลบหนีเข้าเมืองจำนวน 10 คนโดยจับกุมได้ที่บริเวณ กม 1-2 ทล.334 ต.บ้านอิฐ อ.เมืองอ่างทอง จ.อ่างทอง
ด้าน พ.ต.ต.ปภินวิทย์ อุดมพร สว.ส.ทล.1 กก.1 บก.ทล.การจับกุมรถกระบะขนแรงงานต่างด้าวครั้งนี้เป็นการบูรณาการของเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงอยุธยา เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงอ่างทอง เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงสิงห์บุรี เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองอ่างทอง การกวดขันจับกุมแรงงานต่างด้าวลักลอบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฏหมาย เป็นนโยบายของรัฐบาลและเป็นนโยบายของกองบังคับการตำรวจทางหลวงอยู่แล้วซึ่งในแต่ล่ะครั้งก็จะมีคนไทยที่จะใช้รถชนิดต่างๆเพื่อหลบตาเจ้าหน้าที่ตำรวจพาคนงานต่างด้าวผิดกฏหมายเข้ามาทำงานในประเทศไทยโดยเก็บค่านายหน้าแพงๆและวันนี้ทางเจ้าหน้าที่ทางหลวงก็สามารถจับรถกระบะได้2คันโดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงขับรถออกตรวจพื้นที่พบรถยนต์ต้องสงสัยขับขี่ติดต่อกันมาและรถยนต์กระบะ สีเทา ติดแผ่นป้ายทะเบียนหมวด จ.พิษณุโลก ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนด้านหน้า และ รถยนต์กระบะ สีขาว ติดแผ่นป้ายทะเบียนหมวด จ.กรุงเทพมหานคร มีน้ำหนักรถยนต์ที่มากกว่าปกติ และขับขี่มาด้วยความเร็ว จากนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงจึงได้ขับติดตาม ระยะทางรวมประมาณ 1-2 กิโลเมตร โดยเจ้าหน้าที่ได้ส่งสัญญาณไฟกระพริบสีแดงและเรียกรถยนต์คันดังกล่าวให้หยุด จนกระทั่งมาถึง บริเวณ กม. 1-2 ทล.334 ต.บ้านอิฐ อ.เมืองอ่างทอง จ.อ่างทอง ได้หยุดรถยนต์คันดังกล่าว จำนวน 2 คัน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แสดงตนเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจขอทำการตรวจสอบพร้อมกับได้แสดงความบริสุทธิ์ใจ จากการตรวจสอบพบ นายอณุสร อายุ 25 ปี เป็นผู้ขับขี่รถยนต์กระบะ สีขาว ติดแผ่นป้ายทะเบียนกรุงเทพมหานคร โดยมีแรงงานต่างด้าวสัญชาติเมียนมาไม่มีหนังสือเดินทางหรือเอกสารแทนหนังสือเดินทางนั่งมาในรถ โดยนายอณุสร อายุ 25 ปี แจ้งกับเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมว่ามี รถยนต์กระบะ สีเทา ติดแผ่นป้ายทะเบียนพิษณุโลก เป็นรถยนต์ที่ขับขี่นำทาง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเรียกรถยนต์คันดังกล่าวให้หยุด พบ นายมงคล เป็นผู้ขับขี่ โดยนายมงคล ให้การว่า วันนี้เวลาประมาณ 12.00 น.ได้ขับขี่รถยนต์กระบะ สีเทา ติดแผ่นป้ายทะเบียน พิษณุโลก นำทางรถยนต์กระบะ สีขาว ติดแผ่นป้ายทะเบียนกรุงเทพมหานคร ซึ่งบรรทุกแรงงานต่างด้าวมาจำนวน 10 คน ที่มีนายอณุสร เป็นผู้ขับขี่ จากภาคเหนือ สู่ภาคกลาง โดยติดต่อนายอณุสร ตลอดเส้นทางเพื่อแจ้งว่ามีตำรวจอยู่ตามเส้นทางหรือไม่ ถ้ามีด่านตรวจก็จะแจ้งรถที่บรรทุกแรงงานต่างด้าวให้หลบไปเส้นทางอื่น และได้ค่าจ้างนำทาง จำนวน 5,000 บาท โดยตนรับว่าเป็นคนขับขี่รถยนต์เพื่อนำทางมาจริง และ นายอณุสรฯให้การว่า วันนี้ เวลาประมาณ 12.00 น.ได้รับประสานงานจากนายนาค (ไม่ทราบชื่อ-นามสกุลจริง) ให้ไปรับแรงงานต่างด้าว จำนวน 10 คน จาก จ.ตาก เพื่อไปส่งปลายทาง จ.พระนครศรีอยุธยา โดยได้ค่าจ้าง จำนวน 10,000 บาท โดยตนรับรู้ดีอยู่แล้วว่าเป็นบุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง และ ยินยอมที่จะนำไปส่งที่ปลายทาง ส่วนเงินที่ได้จากค่าจ้างนั้นจะนำไปใช้จ่ายต่างๆสอบถามแรงงานต่างด้าว ผ่านล่ามแปลภาษา เมียนมา ให้การยอมรับว่า ได้ลักลอบเดินทางเข้ามาในประเทศไทยทางช่องทางธรรมชาติและเดินข้ามมา ในพื้นที่ อ.แม่สอด จว.ตาก และจะมีคนพาออกมาขึ้นรถที่นำพา เพื่อจะเข้ามาหางานทำในประเทศไทยโดยต้องจ่ายค่านายหน้าเป็นเงินคนละประมาณ 20,000 บาท เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงแจ้งข้อกล่าวหา1.นายอณุสร อายุ 25 ปีและนาย เอ อายุ 17 ปี ฐาน “ร่วมกันรู้ว่าคนต่างด้าวคนใดเข้ามาในราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืนกฎหมาย ให้เข้าพักอาศัย ซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใด ๆ เพื่อให้คนต่างด้าวนั้นพ้นจากการจับกุม”และ คนงานต่างด้าวสัญชาติเมียนมา“เป็นคนต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต” จากนั้นได้ควบคุมตัวพร้อมของกลางมาทำบันทึกการจับที่ หน่วยบริการตำรวจทางหลวงอ่างทอง และนำส่งพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรเมืองอ่างทอง ภ.จว.อ่างทอง ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป