เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2566 พ.ต.อ.ศตวรรษ บุญมี ผกก.1 บก.ทล. ,พ.ต.อ.สถิตย์ วิชัยกุล ผกก.ตม.พระนครศรีอยุธยา,พ.ต.อ.วชิรา ยาวไทยสงค์ พ.ต.ท.ธัช โพธิ์สุวรรณ,พ.ต.ท.นาวิน คงสว่าง รอง.ผกก.1 บก.ทล.,พ.ต.ท.อรรถพงษ์ แสนใจวุฒิ รอง ผกก.ตม.พระนครศรีอยุธยา,พ.ต.ต.ปภินวิทย์ อุดมพร สว.ส.ทล.1 กก.1 บก.ทล. ,พ.ต.ต.ศิวกร สายบัว สว.ส.ทล.1 กก.2 บก.ทล.,ว่าที่ พ.ต.ต.ชานนท์ คำบุรี สว.ตม.พระนครศรีอยุธยา ร.ต.อ.เอกชัย ขุมเพ็ชร ร.ต.ท.ประธาน จตุพันธ์, รอง สว.ส.ทล.1 กก.1 บก.ทล. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง ส.ทล.1 กก.1 บก.ทล.(อยุธยา) ได้ร่วมกันจับกุมนายสุริยา อายุ 23 ปี ผู้ขับขี่รถยนต์นั่งสองตอนแวน สีเทา ติดแผ่นป้ายทะเบียนหมายเลข หมวดจังหวัด นครสวรรค์ พร้อมด้วยแรงงานต่างด้าวสัญชาติเมียนม่าชายหญิง จำนวน 15 คน และแผ่นป้ายทะเบียนรถ กรุงเทพมหานคร จำนวน 2 แผ่น และแผ่นป้ายทะเบียน นครสวรรค์ จำนวน 2 แผ่น โดยจับกุมได้ที่ บริเวณ กม.1 หมู่ที่ 10 ทล.3422 ต.บัวปากท่า อ.บางเลน จ.นครปฐม
ด้านพ.ต.ต.ปภินวิทย์ อุดมพร สว.ส.ทล.1 กก.1 บก.ทล. ได้ให้ข้อมูลว่าสืบเนื่องจาก กก.1 บก.ทล.ได้มีการกวดขันจับกุมแรงงานต่างด้าวและผู้นำพาในพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยา ,จ.ปทุมธานี และ จ.นนทบุรี อยู่บ่อยครั้ง กก.1 บก.ทล.ได้สั่งการให้มีการสืบสวนถึงเส้นทางที่มีการลักลอบขนคนต่างด้าวเข้ามาในพื้นที่ชั้นใน จากการสืบสวนทราบว่าขบวนการลักลอบขนแรงงานต่างด้าวดังกล่าวน่าจะใช้เส้นทางลักลอบขนคนต่างด้าวเข้าสู่พื้นที่ชั้นใน จึงได้สั่งการให้ ส.ทล.1 กก.1 บก.ทล.(อยุธยา) และตำรวจตรวจคนเข้าเมืองพระนครศรีอยุธยา เฝ้าติดตามดูตามเส้นทางต้องสงสัยว่าจะมีขบวนการขนแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย จนกระทั้งวันนี้ 10 สิงหาคม 2566 เวลาประมาณ 18.40 น.ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้สำรวจเส้นทาง ทล.340 ถนนบางบัวทอง-สุพรรณบุรี อ.ลาดบัวหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา พบรถยนต์นั่งสองตอนแวน สีเทา ติดแผ่นป้ายทะเบียนหมายเลข หมวดจังหวัดนครสวรรค์ โดยมีน้ำหนักมากว่ารถยนต์ปกติ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ส่งสัญญาณไฟกระพริบสีแดงและใช้สัญญาณเสียงรวมถึงการพูดออกคำสั่งผ่านไมโครโฟนเรียกรถยนต์คันดังกล่าวให้หยุด แต่เมื่อรถคันดังกล่าวพบเห็นรถยนต์ตรวจการณ์ของเจ้าหน้าที่ตำรวจขับติดตามมาและได้เห็นสัญญาณไฟรวมถึงเสียงคำสั่งเจ้าหน้าที่สั่งให้หยุดรถจึงได้ขับหลบหนีด้วยการเพิ่มความเร็ว โดยขับหลบหนีไปตามซอยหมู่บ้านชนบทซึ่งเป็นซอยแคบรถวิ่งสวนทางในระหว่างทางรถยนต์คันดังกล่าวได้ขับขี่หลบหนีด้วยความเร็วแซงซ้ายแซงขวารถคันอื่นมีการเปลี่ยนช่องทางเดินรถกะทันหันเป็นการขับขี่รถโดยประมาทหรือน่าหวาดเสียวไม่คำนึงถึงความปลอดภัยหรือความเดือดร้อนของผู้อื่นเป็นการกระทำที่สร้างความวุ่นวายและตื่นตระหนกตกใจขึ้นในที่สาธารณะรวมถึงอาจทำให้สุสุจริตชนได้รับอันตรายจากการกระทำของตน จนกระทั่งมาถึง บริเวณ กม.1 หมู่ที่ 10 ทล.3422 ต.บัวปากท่า อ.บางเลน จ.นครปฐม ระยะทางหลบหนีเจ้าหน้าที่ตำรวจประมาณ 20 กิโลเมตร เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แสดงตนเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจขอทำการตรวจสอบพร้อมกับได้แสดงความบริสุทธิ์ใจจนเป็นที่พอใจแล้ว เบื้องต้นสอบถามชื่อ นายสุริยา อายุ 23 ปี เป็นผู้ขับขี่รถยนต์นั่งสองตอนแวน สีเทา ติดแผ่นป้ายทะเบียนนครสวรรค์ โดยมีแรงงานต่างด้าวนั่งอัดแน่นกันมาอยู่ในรถ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงนำรถยนต์คันดังกล่าวมาตรวจสอบเอกสารอย่างละเอียดอีกครั้งที่ หน่วยบริการตำรวจทางหลวง นพวงศ์ จ.ปทุมธานี ร่วมกับ เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงร่วมจับกุม ตม.จว.พระนครศรีอยุธยา เจ้าหน้าที่ตำรวจตม.จังหวัดนครปฐม เบื้องต้นพบว่าแรงงานต่างด้าว บางคนมีหนังสือเดินทาง และบางคนไม่มีหนังสือเดินทาง ในส่วนผู้แรงงงานต่างด้าวที่มีหนังสือเดินทางยังไม่มีการประทับตราผ่านด่านเข้ามาในประเทศไทยและหลบมาเข้ามาจากช่องทางธรรมชาติ จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ทำการตรวจสอบกับระบบข้อมูลทะเบียนรถยนต์และทะเบียนรถขนส่ง พบว่ารถยนต์ดังกล่าว ข้อมูลทะเบียนรถนครสวรรค์ มีข้อมูลซึ่งเป็นทะเบียนรถที่ผู้ต้องหาใช้สวมในการกระทำความผิด จากนั้นตรวจสอบแผ่นป้ายทะเบียนจำนวน 2 แผ่น ที่ติดมากับรถยนต์ของกลาง เป็นแผ่นป้ายทะเบียนจริง ส่วนนายสุริยา อายุ 23 ปี รับสารภาพว่า ตนเองได้รับการประสานจากชายเมียนม่าประสานงานให้ไปรับแรงานต่างด้าวที่บริเวณ ป่าข้างทาง พื้นที่ ต.แม่ท้อ อ.เมืองตาก จ.ตาก จำนวน 15 คน เพื่อไปส่งในพื้นที่ปลายทาง ในพื้นที่ จ.นนทบุรี โดยได้รับค่าจ้าง 1,500 บาท/คน ผู้ถูกจับที่ 1 รับว่าได้ขับขี่รถยนต์คันดังกล่าวบรรทุกแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองมาจริง และตนรู้ดีอยู่แล้วว่าแรงานต่างด้าวทั้ง 15 คน ไม่มีหนังสือเดินทางหรือเอกสารแทนหนังสือเดินทางใดๆและยินยอมที่จะนำพามาส่งที่ปลายทาง และเมื่อสอบถามสาเหตุของการไม่หยุดรถและหลบหนี นายสุริยาฯ ให้การว่า ตนกลัวจะถูกจับกุมจึงได้ขับขี่รถยนต์คันดังกล่าว หลบหนีเจ้าหน้าที่ตำรวจ ระยะทางประมาณกว่า 20 กิโลเมตร ด้วยความเร็วสูงแซงซ้ายแซงขวารถคันอื่นมีการเปลี่ยนช่องทางเดินรถกะทันหันเป็นการขับขี่รถโดยประมาทหรือน่าหวาดเสียวไม่คำนึงถึงความปลอดภัยหรือความเดือดร้อนของผู้อื่น จริง ส่วนแผ่นป้ายทะเบียนนั้นตอนรับแรงงานต่างด้าวจำนวน 15 คัน พื้นที่ อ.เมืองตาก จ.ตาก ได้ใช้แผ่นป้ายทะเบียนกรุงเทพมหานคร ติดที่ด้านหน้าและด้านท้ายของรถยนต์ พอขับมาเรื่อยๆถึง จ.นครสวรรค์ ได้ขับเลี้ยวเข้าป่าข้างทางเพื่อเปลี่ยนแผ่นป้ายทะเบียน นครสวรรค์ จำนวน 2 แผ่น กับรถยนต์คันดังกล่าว เพื่อหลบหนีตำรวจไม่ให้มีการตรวจจับได้ง่าย จนกระทั่งมาถูกตำรวจทางหลวงเรียกตรวจสอบ โดยตนนั้นได้กระทำแบบนี้เป็นครั้งที่ 3 แล้ว และ สอบถามผู้ถูกจับที่ 2 – 16 ผ่านล่ามแปลภาษาเมียนมาให้การยอมรับว่า ได้ลักลอบเดินทางเข้ามาในประเทศไทยทางช่องทางธรรมชาติและเดินข้ามมา ในพื้นที่ อ.แม่สอด จ.ตาก และจะมีคนพาออกมาขึ้นรถที่นำพา เพื่อจะเข้ามาหางานทำในประเทศไทย โดยเสียค่าใช้จ่ายเงินให้กับนายหน้าที่นำพาเข้าประเทศไทย ในราคาประมาณ 20,000 บาท เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงแจ้งข้อกล่าวหานายสุริยา ผู้ขับขี่รถ ฐาน “1.รู้ว่าคนต่างด้าวคนใดเข้ามาในราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืนกฎหมาย ให้เข้าพักอาศัย ซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใด ๆ เพื่อให้คนต่างด้าวนั้นพ้นจากการจับกุม,2.ขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยหรือความเดือดร้อนของผู้อื่น,3.ขัดคำสั่งเจ้าพนักงานซึ่งสั่งการตามอำนาจที่มีกฎหมายให้ไว้ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งนั้นโดยไม่มีเหตุหรือข้อแก้ตัวอันสมควรฯ,4.ใช้เครื่องหมายที่นายทะเบียนออกให้สำหรับคนหนี่งกับรถอีกคันหนึ่ง ความผิดตามพ.ร.บ.รถยนต์ 2522 ม.67(2)” ส่วนแรงงานต่างด้าวทั้ง 15 คนแจ้งข้อหาฐาน“เป็นคนต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต” จากนั้นได้ควบคุมตัว พร้อมของกลางมาทำบันทึกการจับที่ ตำรวจทางหลวงนพวงศ์ จ.ปทุมธานี และนำส่งพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรบางหลวง ภ.จว.นครปฐม ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป