วันที่ 9 พ.ย.66 พ.ต.อ.ศตวรรษ บุญมี ผกก.1 บก.ทล. ,พ.ต.ท.ธัช โพธิ์สุวรรณ,พ.ต.ท.นาวิน คงสว่าง รอง.ผกก.1 บก.ทล.,พ.ต.ท.ชนะ ขำทอง สว.ส.ทล.6 กก.1 บก.ทล.,พ.ต.ต.ปภินวิทย์ อุดมพร สว.ส.ทล.1 กก.1 บก.ทล.,พ.ต.ต.ชานนท์ คำบุรี สว.ตม.พระนครศรีอยุธยา ร.ต.อ.เอกชัย ขุมเพ็ชร,ร.ต.อ.เชาวลิต สีดำ รอง สว.ส.ทล.1 กก.1 บก.ทล.,ว่าที่ ร.ต.อ.ประธาน จตุพันธ์,ว่าที่ ร.ต.อ.ธีระยุทธ วันโสภา รอง สว.(ป) ส.ทล.1 กก.1บก ได้ร่วมกันจับกุมนายกุลกิตติ์ อายุ 20 ปี อยู่หมู่ที่ 11 ต.เชียงทอง อ.วังเจ้า จ.ตาก (ผู้ขับขี่)รถยนต์นั่งสอง สีเทา ติดแผ่นป้ายทะเบียนหมายเลข หมวดกรุงเทพมหานคร จำนวน 1 คัน พร้อมด้วยแรงงานต่างด้าวชาย-หญิง สัญชาติเมียนมารวมกันทั้ง 11 คน ซึ่งอัดแน่นมาอยู่ในรถคันดังกล่าว
ด้าน พ.ต.ต.ปภินวิทย์ อุดมพร สว.ส.ทล.1 กก.1 บก.ทล., กล่าวว่าสืบเนื่องจาก กก.1 บก.ทล.ได้มีการกวดขันจับกุมแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายและผู้นำพาในเส้นทางพื้นที่ จ.อ่างทอง ,จ.พระนครศรีอยุธยา และ จ.ปทุมธานี อยู่บ่อยครั้ง พ.ต.อ.บุญลือ ผดุงถิ่น รอง.ผบก.ป ช่วยราชการ รอง ผบก.ทล.,พ.ต.อ.สุมรภูมิ ไทยเขียว รอง ผบก.ทล.,พ.ต.อ.ศตวรรษ บุญมี ผกก.1 บก.ทล.จึงได้สั่งการให้มีการสืบสวนถึงเส้นทางที่มีการลักลอบขนคนต่างด้าวผิดกฎหมายเข้ามาในพื้นที่ชั้นใน โดยให้ ส.ทล.1 กก.1 บก.ทล.(อยุธยา),ส.ทล.6 กก.1 บก.ทล.(อ่างทอง) สืบสวนในพื้นที่รับผิดชอบ และประสานงานบูรณาการร่วมกันกับเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองพระนครศรีอยุธยา จนกระทั้งวันนี้( 9 พฤศจิกายน 2566 ) เวลาประมาณ 13.20 น. ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้สำรวจเส้นทาง บริเวณ จ.พระนครศรีอยุธยา โดยพบรถยนต์นั่งสองตอน สีเทา ติดแผ่นป้ายทะเบียนหมายเลข หมวดกรุงเทพมหานคร ขับขี่ผ่านโดยมีน้ำหนักที่รถยนต์มากว่ารถยนต์ปกติ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ส่งสัญญาณไฟกระพริบสีแดงและใช้สัญญาณเสียงรวมถึงการพูดออกคำสั่งผ่านไมโครโฟนเรียกรถยนต์คันดังกล่าวให้หยุด แต่เมื่อรถคันดังกล่าวพบเห็นรถยนต์ตรวจการณ์ของเจ้าหน้าที่ตำรวจขับติดตามมาและได้เห็นสัญญาณไฟรวมถึงเสียงคำสั่งเจ้าหน้าที่สั่งให้หยุดรถจึงได้ขับหลบหนีด้วยการเพิ่มความเร็ว โดยขับหลบหนีไปตามถนนสายเอเซีย ในขณะที่มีรถยนต์ของประชาชนผู้สัญจรไป-มาจำนวนมาก รถยนต์คันดังกล่าวได้ขับขี่หลบหนีด้วยความเร็วแซงซ้ายแซงขวารถคันอื่นมีการเปลี่ยนช่องทางเดินรถกะทันหันเป็นการขับขี่รถโดยประมาทหรือน่าหวาดเสียวไม่คำนึงถึงความปลอดภัยหรือความเดือดร้อนของผู้อื่นเป็นการกระทำที่สร้างความวุ่นวายและตื่นตระหนกตกใจขึ้นในที่สาธารณะรวมถึงอาจทำให้สุจริตชนได้รับอันตรายจากการกระทำของตน โดยระหว่างทางได้ขับขี่รถยนต์คันดังกล่าวเฉี่ยวชนรถยนต์ตรวจการของเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงได้รับความเสียหายโดยไม่เกรงกลัวว่าจะก่อให้เกิดอันตรายทางกายและทางใจ จนกระทั่งมาถึง บริเวณ กม.35 ถนนสายเอเชีย ทล.32 ต.ขวัญเมือง อ.บางปะหัน จ.พระนครศรีอยุธยา ระยะทางหลบหนีเจ้าหน้าที่ตำรวจประมาณ 12 กิโลเมตร เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แสดงตนเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจขอทำการตรวจสอบ โดยผู้ขับขี่ไม่ยอมเปิดประตูให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจและพยายามจะขับหลบหนีเดินหน้าและถอยหลัง ต่อมาผู้ขับขี่ได้เปิดประตูรถยนต์และพยายามต่อสู้ใช้มือทั้ง 2 ข้างขัดขวางการควบคุมตัวของเจ้าหน้าที่ตำรวจ จากนั้นศรีษะของผู้ขับขี่ได้โดนกับขอบประตูรถยนต์ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยจากการสอบถามเบื้องต้นชื่อ นายกุลกิตติ์ อายุ 20 ปี เป็นผู้ขับขี่รถยนต์ดังกล่าวเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ปฐมพยาบาลเบื้องต้นร่วมกับเจ้าหน้าที่กู้ภัย เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเชิญมาตรวจสอบเอกสารอย่างละเอียดอีกครั้งที่ สถานีตำรวจภูธรบางปะหัน ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา ร่วมกับ เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองพระนครศรีอยุธยา พบว่ามีคนต่างด้าวสัญชาติเมียนมาไม่มีหนังสือเดินทางหรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทางแต่อย่างใดแสดง จากการสอบถามนายกุลกิตติ์ (ผู้ต้องหา) ให้การยอมรับว่า วันนี้ (9 พฤศจิกายน 2566) เวลาประมาณ 08.00 น. ได้รับการประสานจากชายเมียนมา (ไม่ทราบชื่อ-นามสกุลจริง) ประสานงานให้ไปรับแรงานต่างด้าวที่บริเวณ อ.วังเจ้า จ.ตาก จำนวน 11 คน เพื่อไปส่งในพื้นที่ปลายทาง ในพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยา และ จ.ปทุมธานี โดยได้รับค่าจ้าง 16,500 บาท/ครั้ง ผู้ถูกจับที่ 1 รับว่าได้ขับขี่รถยนต์คันดังกล่าวบรรทุกแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองมาจริง และตนรู้ดีอยู่แล้วว่าแรงงานต่างด้าวทั้ง 11 คน ไม่มีหนังสือเดินทางหรือเอกสารแทนหนังสือเดินทางใดๆและยินยอมที่จะนำพามาส่งที่ปลายทาง จนกระทั่งมาถูกตำรวจทางหลวงเรียกตรวจสอบ โดยตนนั้นได้กระทำแบบนี้มาเป็นครั้งแรก และรับว่าตนนั้นได้ขับขี่รถยนต์คันดังกล่าวได้ขับขี่หลบหนีด้วยความเร็วแซงซ้ายแซงขวารถคันอื่นมีการเปลี่ยนช่องทางเดินรถกะทันหันเป็นการขับขี่รถโดยประมาทหรือน่าหวาดเสียวไม่คำนึงถึงความปลอดภัยหรือความเดือดร้อนของผู้อื่นและเฉี่ยวชนรถยนต์ตรวจการของเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงได้รับความเสียหาย จริง และไม่ติดใจเอาความกับการปฎิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจแต่อย่างใด ส่วนเงินค่าจ้างที่ได้มาจะนำไปเที่ยวและใช้จ่ายต่างๆ และ สอบถามแรงงานต่างด้าว ผ่านล่ามแปลภาษาเมียนมาให้การยอมรับว่า ได้ลักลอบเดินทางเข้ามาในประเทศไทยทางช่องทางธรรมชาติและเดินข้ามมา ในพื้นที่ อ.แม่สอด จ.ตาก และจะมีคนพาออกมาขึ้นรถที่นำพา เพื่อจะเข้ามาหางานทำในประเทศไทย โดยเสียค่าใช้จ่าย จำนวน 15,000-20,000 บาท เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้นำผู้ต้องหาทั้งหมดพร้อมของหกลางส่งพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรบางปะหัน ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป