วันนี้ (15 ก.ค. 2566) เวลา 13.30 น. สมเด็จพระอริยวงศาคตณาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เสด็จเป็นองค์ประธานประกอบพิธียกฉัตรถวายกางกั้นพระพุทธอังคีรสจำลอง และพระพุทธรูปหลวงพ่อนาคจำลอง เป็นพุทธบูชา เนื่องในโอกาสฉลองพระชนมายุ 8 รอบ สมเด็จพระอริยวงศคตณาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังมปริณายก ณ สถานปฏิบัติธรรมสมเด็จพระสังฆราช (อมฺพรมหาเถร) บ้านคลองซอยที่ 9 หมู่ที่ 1 ตำบลลำลูกกา อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี โดยมีนายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย นายอดิเทพ กมลเวชช์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานีรักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี นายสิทธิชัย สวัสดิ์แสน รองผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี ผู้บริหารพร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจ ข้าราชการ พนักงาน เจ้าหน้าที่ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และประชาชนในพื้นที่ เฝ้ารับเสด็จฯ
ในโอกาสนี้ เจ้าประคุณสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ กรรมการมหาเถรสมาคม เลขานุการสมเด็จพระสังฆราช ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ราชวรวิหาร พระธรรมรัตนากรณ์ ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค 1 เจ้าอาวาสวัดเขียนเขต พระอารามหลวง พระเทพวัชรเมธี อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย ผู้ช่วยเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช รองเจ้าคณะภาค 6-7 (ธ) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ราชวรวิหาร ในนามสถาบันกรรมฐานศึกษาสมเด็จพระสังฆราช (อมฺพรมหาเถร) พระราชสุทธิธรรมาจารย์ เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี เจ้าอาวาสวัดประยูรธรรมาราม พระราชวรเมธาจารย์ เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี (ธ) เจ้าอาวาสวัดโบสถ์ พระมหาคณิศร ผู้ช่วยเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ราชวรวิหาร พระวัชรญาณมุนี เจ้าอาวาสวัดเทพสรธรรมาราม พระครูสุภัทรธรรมโฆษิต ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดระฆังโฆสิตาราม วรมหาวิหาร ผู้รักษาการเจ้าอาวาสวัดบางหลวงหัวป่า จังหวัดปทุมธานี เฝ้ารับเสด็จฯ และร่วมประกอบพิธีสงฆ์ด้วย
สำหรับการประกอบพิธีในวันนี้ สมเด็จพระอริยวงศาคตณาณ สมเด็จพระสังมราช สกลมหาสังฆปริณายก เสด็จเข้าสู่วิหาร ทรงประทับพระเก้าอี้ พระราชสุทธิธรรมาจารย์ เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี พระราชวรเมธาจารย์ เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี ฝ่ายธรรมยุต เฝ้าถวายเครื่องสักการะ นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย และผู้บริหารเฝ้าถวายเครื่องสักการะ เสร็จแล้ว ปลัดกระทรวงมหาดไทย กราบทูลถวายรายงาน จากนั้น สมเด็จพระอริยวงศาคตณาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ทรงยกฉัตร ทรงประพรมน้ำพระพุทธมนต์ แล้วทรงเจิมกำพูฉัตร และทรงจับสายสูตรยกฉัตรขึ้นถวายกางกั้นพระพุทธอังคีรสจำลอง ประธานวิหาร แล้วทรงถวายพัดรองที่ระลึกงานฉลองพระชนมายุ 8 รอบ 26 มิถุนายน 2566 และเชิงเทียนรุ่งอักษรพระนาม 1 คู่ เป็นพุทธบูชา ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการบูชาพระพุทธอังคีรสจำลอง หลังจากนั้น สมเด็จพระอริยวงศาคตณาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เสด็จไปยังอาคารปฏิบัติธรรม ทรงประพรมน้ำพระพุทธมนต์ แล้วทรงเจิมกำพูฉัตร ทรงจับสายสูตรยกฉัตรขึ้นถวายกางกั้นพระพุทธรูปหลวงพ่อนาคจำลอง ประธานอาคารปฏิบัติธรรม แล้วทรงถวายพัดรองที่ระลึกงานฉลองพระชนมายุ 8 รอบ 26 มิถุนายน 2566 และเชิงเทียนรุ่งอักษรพระนาม 1 คู่ เป็นพุทธบูชา แล้วทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการบูชาพระพุทธรูปหลวงพ่อนาคจำลอง แล้วเสด็จออกจากอาคารปฏิบัติธรรม ทรงรดน้ำต้นพระศรีมหาโพธิ์ พุทธเจดีย์ประจำสถานปฏิบัติธรรมฯ และเสด็จกลับเข้าวิหาร โดยมี พุทธศาสนิกชนเฝ้าถวายจตุปัจจัยไทยธรรมแด่พระสงฆ์ พระสงฆ์ถวายอนุโมทนา ทรงกรวดน้ำ เสร็จแล้ว ประทานพระวโรกาสให้ผู้มีจิตศรัทธาโดยเสด็จพระกุศลเฝ้ารับประทานของที่ระลึก และประทานพระสัมโมทนียกถา แล้วเสด็จกลับ
เจ้าพระคุณสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก โปรดเมตตาประทานพระสัมโมทนียกถา มีใจความว่า “ขออนุโมทนาสาธุการ ที่ท่านทั้งหลายพรั่งพร้อมกันมาร่วมบำเพ็ญกุศล ณ สถานปฏิบัติธรรม บนที่ธรณีสงฆ์ของวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม เพื่อเป็นเกียรติแก่อาตมภาพ เนื่องในวาระที่มีอายุ 96 ปี และในวันนี้เป็นโอกาสพิเศษ ที่ได้ร่วมกันประดิษฐานพระพุทธปฏิมาประธาน และยกฉัตรถวายกางกั้น เพื่อเป็นพุทธบูชา และเป็นการสั่งสมบุญนิธิไว้ในพระพุทธศาสนา หลังจากได้มาวางศิลาฤกษ์สถานปฏิบัติธรรมแห่งนี้เมื่อหลายปีก่อน อาตมภาพก็เฝ้าติดตามข่าวคราวการจัดสร้างอย่างใกล้ชิด พอได้มาเห็นความคืบหน้าจนใกล้จะแล้วเสร็จสมบูรณ์ ก็รู้สึกมีกำลังใจ ดุจได้รับของขวัญพิเศษ เพราะสถานที่แห่งนี้ จะอำนวยประโยชน์อย่างกว้างขวางแก่ชาวโลก ตามวิถีแห่งพระพุทธศาสนา การจะบำรุงรักษาสถานที่อันกว้างใหญ่ เพื่อการปฏิบัติธรรม โดยเฉพาะการเจริญพระกรรมฐานนั้น ยังต้องอาศัยทุนนิธิ เป็นเครื่องค้ำจุนให้ยั่งยืนต่อไป ในนามของวัดราชบพิธ จึงขอบอกบุญเป็นพิเศษไว้ เพื่อท่านทั้งหลายจำได้ร่วมกันฝังขุมทรัพย์แห่งบุญไว้ในพระพุทธศาสนาร่วมกันอีกครั้ง และวันนี้พวกเราทั้งหลาย มาร่วมกันสถาปนาหัวใจของสถานปฏิบัติธรรม คือองค์พระพุทธปฏิมาสำหรับเป็นที่ระลึกถึงพระพุทธคุณ ทั้งนี้ พระพุทธอังคีรส และหลวงพ่อนาค ที่ทุกท่านได้กระทำสักการบูชาอยู่ในบัดนี้ เป็นพระพุทธรูป “ศักดิ์สิทธิ์” สถิตเป็นประธานแห่งวัดราชบพิธมานานนับร้อยปี คำว่า “ศักดิ์สิทธิ์” ที่อาตมภาพกล่าวนี้ มีความหมายว่า “ทรงอานุภาพให้สำเร็จได้สมความประสงค์” อาตมภาพไม่ได้หมายถึงอำนาจลี้ลับ หากแต่หมายถึง พระพุทธานุภาพโดยธรรมะ หรืออานุภาพของพระพุทธศาสนา ซึ่งเป็นของสมเด็จพระบรมศาสดา เจ้าของรูปพระปฏิมาทั้งสองนั้น มีมากมหาศาลสุดที่จะประมาณได้ พระพุทธศาสนาสามารถเปลี่ยนคนชั่วให้เป็นคนดี ฉุดรั้งคนจะตกนรกให้ขึ้นสวรรค์ เปลี่ยนคนยากไร้ให้กลับเป็นมั่งมี สอนคนโง่ให้กลายเป็นคนฉลาด และสำคัญที่สุดคือ สามารถขัดเกลาชำระล้างคนสกปรกด้วยกิเลส ให้กลับกลายเป็นคนสะอาดบริสุทธิ์หมดจดอย่างสิ้นเชิงด้วยปัญญา กระทั่งหลุดพ้นจากห้วงทุกข์แห่งสังสารวัฏนี้คือ อานุภาพอันศักดิ์สิทธิ์ที่สุดของพระพุทธเจ้า พระธรรมเจ้า และพระสงฆเจ้า อาตมภาพจึงขอให้ทุกท่านได้สำเร็จสมความประสงค์สูงสุดทางพระพุทธศาสนา ด้วยการเจริญพุทธานุสติ เป็นเบื้องต้น และด้วยการศึกษาพระกรรมฐานกองอื่น ๆ ต่อไป และขออนุโมทนาสาธุการอีกครั้งที่ทุกท่านได้พากเพียรทำหน้าที่ของพุทธบริษัทมาด้วยดี และขออำนวยพรให้ทุกท่านจงเจริญด้วยจตุรพิธพรชัย รุ่งเรืองในพระพุทธศาสนายิ่ง ๆ ขึ้นสืบไป เทอญ.”
นอกจากนี้ มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย ได้ขอเข้าใช้สถานปฏิบัติธรรมแห่งนี้ เป็นที่ตั้งสถาบันกรรมฐานศึกษาซึ่งสมเด็จพระอริยวงศาคตณาณ สมเด็จพระสังมราช สกลมหาสังฆปริณายกโปรดประทานนามว่า “สถาบันกรรมฐานศึกษาสมเด็จพระสังฆราช (อมฺพรมหาเถร)” นับเป็นพระกรุณาคุณอันล้นพ้น และเป็นนิมิตหมายอันดีที่สถานปฏิบัติธรรมแห่งนี้จักได้บังเกิดประโยชน์ใช้สอยอย่างเป็นรูปธรรมต่อการศึกษา วิจัย ปฏิบัติ และพัฒนาสุขภาวะทั้งทางกายและทางจิตใจ ตลอดจนการอบรมพัฒนาสติปัญญาตามหลักพระพุทธศาสนาได้อย่างยั่งยืน ซึ่งบัดนี้การก่อสร้างได้ดำเนินลุล่วงไปเป็นอันมาก เป็นศุภนิมิตประจวบมงคลสมัยแห่งพระชนมายุ 8 รอบ ประกอบกับการหล่อและประดิษฐานพระพุทธปฏิมาประธานวิหารและอาคารปฏิบัติธรรม ได้ดำเนินการแล้วเสร็จสมบูรณ์ นับเป็นศรีสง่า เป็นศูนย์รวมจิตใจที่เจริญพุทธานุสติของปวงพุทธบริษัท ประจำสถานปฏิบัติธรรมแห่งนี้ ในการสืบทอดพระพุทธศาสนาให้คงอยู่คู่กับประเทศไทย อย่างยั่งยืนต่อไป