เมื่อ วันที่ 21ก.ย.66 พ.ต.อ.ศตวรรษ บุญมี ผกก.1 บก.ทล. พ.ต.ท.ธัช โพธิ์สุวรรณ,พ.ต.ท.นาวิน คงสว่าง รอง.ผกก.1 บก.ทล.พ.ต.ต.ปภินวิทย์ อุดมพร สว.ส.ทล.1 กก.1 บก.ทล.ร.ต.อ.เอกชัย ขุมเพ็ชร,ร.ต.อ.เชาวลิต สีดำ รอง สว.ส.ทล.1 กก.1 บก.ทล.,ร.ต.ท.ประธาน จตุพันธ์,ร.ต.ท.ธีระยุทธ วันโสภา รอง สว.(ป) ส.ทล.1 กก.1บก.ทล. ได้ร่วกันจับกุมนายป๋อ อายุ 34 ปี พักอาศัยอยู่บ้านหมู่ที่ 6 ต.เชียงของ อ.วังเจ้า จ.ตาก (ผู้ขับขี่) .รถยนต์นั่งสามตอน สีขาว ติดแผ่นป้ายทะเบียน กำแพงเพชร พร้อมด้วยแรงงานต่างด้าวชาย-หญิง สัญชาติเมียนม่าจำนวน 10 คน โดยจับกุมได้ที่บริเวณ กม.42-43 ถนนปทุมธานี-บางปะหัน ทล.347 ต.บ้านใหม่ อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา
ด้านพ.ต.ต.ปภินวิทย์ อุดมพร สว.ส.ทล.1 กก.1 บก.ทล ได้ให้ข้อมูลว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงอยุธยาได้มีการกวดขันจับกุมรถที่ขนแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายเข้ามาในประเทศไทยกันเป็นประจำอยู่แล้วซึ่งทางพ.ต.อ.ศตวรรษ บุญมี ผกก.1 บก.ทล. จะเน้นเรื่องนี้เป็นพิเศษเพราะป้องกันโรคระบาดเข้ามาในประเทศของเราด้วย ในครั้งนี้ก็เช่นกันจึงได้สั่งการให้มีการสืบสวนถึงเส้นทางที่มีการลักลอบขนคนต่างด้าวผิดกฎหมายเข้ามาในพื้นที่ชั้นใน โดยให้ ส.ทล.1 กก.1 บก.ทล.(อยุธยา) สืบสวนในพื้นที่รับผิดชอบขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้สำรวจเส้นทาง บริเวณ อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา โดยพบรถยนต์นั่งสามตอน สีขาว ติดแผ่นป้ายทะเบียนหมายเลข 6814 กำแพงเพชร โดยมีน้ำหนักที่รถยนต์มากว่ารถยนต์ปกติ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ส่งสัญญาณไฟกระพริบสีแดงและใช้สัญญาณเสียงรวมถึงการพูดออกคำสั่งผ่านไมโครโฟนเรียกรถยนต์คันดังกล่าวให้หยุด จนกระทั่งมาถึง บริเวณ กม.42-43 ถนนปทุมธานี-บางปะหัน ทล.347 ต.บ้านใหม่ อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แสดงตนเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจขอทำการตรวจสอบ เบื้องต้นสอบถามชื่อ นายป๋อ อายุ 34 ปี เป็นผู้ขับขี่รถยนต์คันดังกล่าวโดยมีคนงานนั่งโดยสารมากับรถยนต์ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเชิญ มาตรวจสอบเอกสารอย่างละเอียดอีกครั้งที่ หน่วยบริการตำรวจทางหลวงเอเซีย จ.พระนครศรีอยุธยา พบว่า เป็นคนต่างด้าวสัญชาติเมียนมาไม่มีหนังสือเดินทางหรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทางแต่อย่างใดแสดง จากการสอบถามนายป๋อ อายุ 34 ปี(ผู้ต้องหา)รับสารภาพว่า เวลาประมาณ 18.00 น. ได้รับการประสานจากชายไทย (ไม่ทราบชื่อ-ประสานงานให้ไปรับแรงงานต่างด้าวที่บริเวณ ป่าข้างทาง พื้นที่ อ.วังเจ้า จ.ตาก จำนวน 10 คน เพื่อไปส่งในพื้นที่ปลายทาง ในพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยา โดยได้รับค่าจ้าง 20,000 บาท/ครั้ง และบรรทุกแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองมาจริง และตนรู้ดีอยู่แล้วว่าแรงานต่างด้าวทั้ง 10 คน ไม่มีหนังสือเดินทางหรือเอกสารแทนหนังสือเดินทางใดๆและยินยอมที่จะนำพามาส่งที่ปลายทาง จนกระทั่งมาถูกตำรวจทางหลวงเรียกตรวจสอบ โดยตนนั้นได้กระทำแบบนี้มาแล้ว 5 – 6 ครั้ง เงินค่าจ้างที่ได้มาจะนำไปเที่ยวและใช้จ่ายต่างๆ และเมื่อประมาณเดือนกรกฎาคม 2566 ตนนั้นได้ขับขี่รถยนต์ บรรทุกแรงงานต่างด้าว 10 คน ขับขี่ผ่านมาที่ อ.สามชุก จ.สุพรรณบุรี จนมีเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงสุพรรณบุรี เรียกตรวจสอบจากนั้น นายป๋อ ได้ขับขี่หลบหนีด้วยความเร็วจนไปถึงทุ่งนาและไม่สามารถไปต่อได้จนต้องทิ้งรถยนต์คันดังกล่าวไว้และตนนั้นได้หลบหนีไปกับความมืด และ สอบถามแรงงานต่างด้าวผ่านล่ามแปลภาษาเมียนมาให้การยอมรับว่า ได้ลักลอบเดินทางเข้ามาในประเทศไทยทางช่องทางธรรมชาติและเดินข้ามมา ในพื้นที่ อ.แม่สอด จ.ตาก และจะมีคนพาออกมาขึ้นรถที่นำพา เพื่อจะเข้ามาหางานทำในประเทศไทย โดยยังไม่ได้เสียค่าใช้จ่าย เมื่อถึงปลายทาง จะมีญาติของผู้ต้องหา เป็นคนจ่ายเงินให้กับนายหน้าที่นำพาเข้าประเทศไทย ในราคาประมาณ 8,000 – 15,000 บาท จ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงอยุธยาจึงได้ควบคุมตัวพร้อมของกลางและนำส่งพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรพระนครศรีอยุธยา ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป