เหยื่อ 7 ราย ร้อง “ปวีณา” ถูกเพื่อนสมัยเรียนโฆษณาในโซเชียล อ้างตัวเป็นนายหน้าหลอกไปทำงานด้านการเกษตร ประเทศออสเตรเลีย ญี่ปุ่น เกาหลี โดยออสเตรเลีย จ่ายเงินคนละ 3.5 แสน ส่วนญี่ปุ่น เกาหลี คนละ 1 แสนบาท แลกกับการเดินทาง ต้องเอาที่นาไปจำนอง กู้หนี้ยืมสิน สุดท้ายผ่านไปเป็นปียังรอเก้อ วีซ่าก็ยังไม่ได้ทำ พลาสปอร์ตก็ถูกยึด มูลค่าความเสียหายรวมกว่า 1.5 ล้าน มิจฉาชีพเชิดเงินหนีลอยนวล “ปวีณา” ประสาน ผู้การขอนแก่น เร่งติดตามตัวดำเนินคดี พร้อมเตือนภัย!! ประชาชนอย่าหลงเชื่อ มิจฉาชีพใช้สื่อออนไลน์มีกลยุทธ์หลอกคนตกเป็นเหยื่อหลายรูปแบบ ต้องเสียเงินทอง เป็นหนี้สินจำนวนมาก

วันที่ 7 ธ.ค.66 เวลา 13:00 น. ที่มูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี จ.ปทุมธานี ผู้เสียหาย 3 ราย เดินทางจากจ.ขอนแก่น เป็นตัวแทนเหยื่อรวม 7 ราย เข้าร้องทุกข์ต่อ นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯ ถูกเพื่อนสมัยเรียนมัธยมฯ อ้างตัวเป็นนายหน้าหลอกไปทำงานด้านการเกษตรที่ประเทศออสเตรเลีย ญี่ปุ่น เกาหลี (เกาหลีคนละ 70,000 บาท, ญี่ปุ่น 2 คน คนละ 100,000 บาท ญี่ปุ่นอีก 1 คน 175,000 บาท) รวม 7 ราย สูญเงินรวมกันกว่า 1.5 ล้านบาท เป็นหนี้สิน เอาที่นาไปจำนอง ผ่านไปปีกว่ายังไร้วี่แววจะได้เดินทาง แจ้งความที่สภ.โคกโพชัย จ.ขอนแก่นแล้ว แต่มิจฉาชีพยังลอยนวล แถมโพสต์หลอกคนไม่หยุดหย่อนหวั่นคนตกเป็นเหยื่อจำนวนมาก

น.ส.สุวนันท์ อายุ 28 ปี 1 ในผู้เสียหาย กล่าวว่า ช่วงเดือนต.ค.65 ได้พบกับน.ส.แจง (นามสมมุติ) อายุ 29 ปี เพื่อนสมัยเรียนมัธยมฯ ซึ่งอ้างตัวเป็นนายหน้าจัดหาคนไปทำงานต่างประเทศ โดยอ้างว่าจะพาไปทำงานด้านการเกษตร เก็บผลไม้ที่ประเทศออสเตรเลีย ญี่ปุ่น และเกาหลี ซึ่งน.ส.แจงก็ได้โพสต์โฆษณาในเฟซบุ๊กเชิญชวนด้วย อ้างจะได้เงินเดือน 1 แสนถึง 1.2 แสนบาท ที่กินที่อยู่ดี

แต่จะต้องมีค่าดำเนินการ 3.5 แสนบาท ตนหลงเชื่อจึงได้ชักชวนสามีกับเพื่อนผู้หญิงอีก 1 คนจ่ายเงินเพื่อจะเดินทางไปคนละ 3.5 แสนบาท โดยก้อนแรกจ่ายวันที่ 18 ต.ค.65 ก่อนคนละ 1 แสนบาท เป็นค่าเดินเรื่องเอกสาร จากนั้นเดือน ธ.ค.65 จึงได้จ่ายเพิ่มอีกคนละ 2.5 แสนบาท ตนต้องไปกู้หนี้ยืมสินจากญาติและเอาที่นาไปจำนองเพื่อหาเงินมาจ่าย

หลังจากที่ทุกคนจ่ายเงินไปหมดแล้ว น.ส.แจง บอกว่าให้รอดำเนินการเรื่องวีซ่า ประมาณ 7-8 เดือน แต่เวลาผ่านไปก็ไม่ความคืบหน้า เมื่อทวงถาม น.ส.แจงก็บอกว่าทางออสเตรเลียติดปัญหาให้รอก่อน กระทั่งทวงถามไปหลายครั้งและวันที่ 15 ส.ค.66 น.ส.แจง ได้นัดมาทำสัญญาจะคืนเงินให้ต่อหน้าผู้ใหญ่บ้าน แต่ถึงเวลาก็ไม่จ่ายเงินตามนัด ตนกับสามีและเพื่อนรวม 2 คน จึงได้แจ้งความไว้ที่สภ.โคกโพชัย จ.ขอนแก่น ช่วงเดือนต.ค.66 ล่าสุดทวงถามไปที่น.ส.แจงอีก แต่กลับถูกขู่จะฟ้องกลับและดำเนินคดีกับพวกตนที่จะเอาเรื่องด้วย ตอนนี้พลาสปอร์ตของพวกตน 3 คนยังอยู่ที่น.ส.แจง จึงเกรงว่าจะถูกนำไปใช้ในเรื่องผิดกฎหมาย พวกตนจึงตัดสินใจเข้าขอความช่วยเหลือจากมูลนิธิปวีณาฯ ขณะเดียวกันยังมีผู้เสียหายอีก 4 รายขอให้ตนเป็นตัวแทนแจ้งเรื่องขอความช่วยเหลือจากมูลนิธิปวีณาฯ เพื่อให้ดำเนินคดีกับมิจฉาชีพให้ถึงที่สุด

หลังรับเรื่อง นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯ ได้ประสาน พล.ต.ต.อนุวัตร สุวรรณภูมิ ผบก.ภ.จว.ขอนแก่น พ.ต.อ.นำชัย ศรีเวียง สภ.โคกโพธิ์ไชย จ.ขอนแก่น ให้ช่วยเร่งรัดตรวจสอบข้อเท็จจริงและดำเนินคดีกับผู้กระทำผิด ซึ่งเข้าข่าย การโฆษณาการจัดหางานโดยไม่ได้รับอนุญาตจากกรมการจัดหางาน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และถ้าหลอกลวงผู้อื่นว่าสามารถหางานหรือส่งไปฝึกงานในต่างประเทศได้โดยการหลอกลวงซึ่งเงินหรือทรัพย์สินฯ ต้องระวางโทษจำคุก 3-10 ปี หรือปรับตั้งแต่ 60,000 – 2 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ทั้งนี้อาจจะต้องถูกดำเนินคดี ฉ้อโกง หรือ ฉ้อโกงประชาชนอีกด้วย ซึ่งมีระวางโทษไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ทั้งนี้นางปวีณา ขอสื่อมวลชนช่วยประชาสัมพันธ์ประชาชนอย่าหลงเชื่อโฆษณาในโซเชียล หรือแม้แต่คนที่รู้จัก ในการชักชวนไปทำงานต่างประเทศ อ้างว่าเงินเดือนสูง รายได้ดี กินอยู่ดี สุดท้ายต้องสูญเงินตกเป็นเหยื่อและเป็นหนี้สินจำนวนมาก ก่อนตัดสินใจจะต้องตรวจสอบข้อมูลจากทางราชการ กระทรวงแรงงาน กระทรวงการต่างประเทศให้ดีเสียก่อน เพราะมิจฉาชีพยุคนี้มีกลยุทธ์ให้คนหลงเชื่อตกเป็นเหยื่อหลายรูปแบบ